ภาพดาวเสาร์เต็มดวงจากยานอวกาศวอยเอเจอร์ NASA/JPL
ดาวเสาร์อยู่ไกลจากดวงอาทิตย์เป็นอันดับที่ 6 มีปริมาตรมากกว่าโลกถึง 775 เท่า ประกอบไปด้วยไฮโดรเจนและฮีเลียมที่อยู่ในรูปก๊าซและของเหลว มีชั้นบรรยากาศที่มองเห็นเป็นแถบคาดที่ละติจูดต่างๆ ของตัวดาวและมีสีแตกต่างกันไป เนื่องมาจากการแปรปรวนของลมในทิศทางที่สวนกัน ดาวเสาร์โคจรรอบดวงอาทิตย์ใช้เวลาเท่ากับ 29.5 ปีบนโลก แต่ดาวเสาร์หมุนรอบตัวเองด้วยความเร็วที่สูงมาก เวลาที่ใช้ในการหมุนรอบตัวเอง 10 ชั่วโมง 40 นาที จึงทำให้มีรูปร่างเป็นทรงกลมแป้นบริเวณเหนือเส้นศูนย์สูตรคล้ายกับดาวพฤหัสบดี ความเร็วลมที่เส้นศูนย์สูตรสูงถึง 1,800 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ดาวเสาร์มีแกนหมุนที่เอียงทำมุม 26.73 องศากับระนาบโคจรรอบดวงอาทิตย์ (ใกล้เคียงกับแกนหมุนโลก)
ดาวเสาร์มีความหนาแน่นน้อยกว่าดาวเคราะห์อื่นๆ และมีค่าความหนาแน่นน้อยกว่าน้ำ ดาวเสาร์มีวงแหวนอยู่ล้อมรอบเป็นจำนวนมากมาย วงแหวนดาวเสาร์มีลักษณะที่ซับซ้อนและสวยงามที่สุดในระบบสุริยะ ถูกค้นพบในสมัยศตวรรษที่ 17 เมื่อมีการประดิษฐ์กล้องดูดาวขึ้นใช้ รายละเอียดของดาวเสาร์ส่วนใหญ่ได้มาจากข้อมูลจากการสำรวจของยานอวกาศวอยเอเจอร์ 2 พบว่าในบริเวณวงแหวนดาวเสาร์มีแถบฝุ่นมืดคั่นอยู่หลายชั้น ซึ่งเรายังไม่ทราบที่มาของแถบฝุ่นมืดเหล่านี้
โครงสร้างดาวเสาร์
ภาพตัดขวางแสดงโครงสร้างดาวเสาร์ (Calvin J. Hamilton)
แกนกลางของดาวเสาร์เป็นหินแข็งมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 30,000 กิโลเมตร ล้อมรอบไปด้วยชั้นของเหลวที่ประกอบไปด้วยน้ำ มีเธน และแอมโมเนีย แมนเทิลชั้นในประกอบด้วยฮีเลี่ยมและไฮโดรเจนเหลวที่มีสมบัติเป็นโลหะ แมนเทิลชั้นนอกประกอบด้วยไฮโดรเจนและฮีเลียมในรูปของของเหลวและก๊าซ
บรรยากาศดาวเสาร์ประกอบไปด้วยไฮโดรเจน 96.3% ฮีเลียม 3.3% และธาตุอื่นๆ 0.4% ชั้นนอกสุดของดาวเสาร์ประกอบด้วยแอมโมเนีย
วงแหวนของดาวเสาร์
วงแหวนของดาวเคราะห์แต่ละดวงนั้นมีลักษณะที่แตกต่างกันไป แต่ล้วนประกอบไปด้วยชิ้นส่วนที่เป็นก้อนหินและน้ำแข็ง ขนาดของชิ้นส่วนนั้นอาจมีขนาดเล็กเท่าเมล็ดองุ่น หรืออาจมีขนาดใหญ่เท่าหินก้อนโตก็ได้ เรายังไม่รู้แน่ชัดถึงที่มาของชิ้นส่วนเหล่านี้ อาจเป็นเศษที่เหลือจากการเกิดดาวเคราะห์ หรืออาจเป็นดวงจันทร์บริวารที่แตกสลายลงก็ได้
ดาวเสาร์มีวงแหวนที่ใหญ่ ซับซ้อนและสวยงาม สามารถสะท้อนแสงจากดวงอาทิตย์ได้ดีกว่าวงแหวนของดาวเคราะห์อื่นๆ ทำให้เรารู้ว่าวงแหวนของดาวเสาร์นั้นน่าจะประกอบไปด้วยน้ำแข็งมากกว่าที่จะเป็นเศษหิน วงแหวนดาวเสาร์มีความกว้างหลายพันกิโลเมตร เราสังเกตวงแหวนดาวเสาร์ด้วยกล้องโทรทรรศน์จากพื้นโลก เราจะมองเห็นเพียงวงแหวนชั้น A และ B ช่องว่างระหว่างวงแหวนทั้งสองชั้นนี้เรียกว่า ช่องแคบแคสสินิ (Cassini division) แต่จากภาพถ่ายวงแหวนดาวเสาร์จากยานวอยเอเจอร์พบว่า ในแถบวงแหวนชั้น A มีช่องว่างที่เรียกว่า ช่องว่างเอนเค (Encke gap) นอกจากนี้ยังพบว่ามีวงแหวนชั้นนอก (ชั้น F, G และ E) และแถบวงแหวนชั้นใน (ชั้น C และ D) ที่บางและไม่สว่างมากนัก
ภาพขยายแสดงกลุ่มวงแหวนชั้น A (วงนอกสุด) ช่องแคบแคสสินิ วงแหวนชั้น B (สีเขียวและสีส้ม)
และวงแหวนชั้น C (สีน้าเงิน) NASA/JPL
ภาพขยายแสดงวงแหวนชั้นใน วงแหวนชั้น B (สีเหลือง) และวงแหวนชั้น C (สีฟ้า) NASA/JPL
ดวงจันทร์บริวารของดาวเสาร์
ดาวเสาร์มีดวงจันทร์บริวารอย่างน้อย 30 ดวง ดวงจันทร์บริวารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดคือ ไททัน (Titan) ที่มีขนาดใหญ่กว่าดาวพุธ ไททันมีชั้นบรรยากาศที่ประกอบไปด้วยก๊าซไนโตรเจนเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งอาจมีสภาพที่คล้ายกับโลกของเราในอดีต การศึกษาบรรยากาศของดาวไททันโดยละเอียดอาจทำให้เราทราบถึงความเป็นมาของโลกได้ดีขึ้น
ดวงจันทร์บริวารที่มีขนาดใหญ่รองลงไปจากไททันได้แก่ รี (Rhea) ดิโอนี (Dione) ไออาเพตุส (Iapetus) เททิส (Tethys) เอนเซลาดุส (Enceladus) และมิมาส (Mimas) ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า ดวงจันทร์เหล่านี้มีความหนาแน่นน้อยกว่า 1,400 กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ทำให้เราสามารถสันนิษฐานได้ว่าดวงจันทร์เหล่านี้มีส่วนประกอบส่วนใหญ่เป็นน้ำแข็งและมีหินผสมอยู่เพียงเล็กน้อย
ภาพถ่ายดวงจันทร์บริวารดวงอื่น ๆ ของดาวเสาร์ จากยานวอยเอเจอร์ 1 และ 2 (NASA/JPL)